พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระราชดำริให้จัดทำโครงการฯ ขึ้นในปี 2552 ต่อมาจัดตั้งเป็น “มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” หรือ ม.ท.ศ. เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2553

น้ำพระราชหฤทัยและพระมหากรุณาธิคุณ ต่อเยาวชนไทย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 10 มีพระราชปณิธานที่มุ่งมั่นจะสร้างโอกาสให้กับเยาวชนที่จะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของชาติ โดยมีพระราชดำริให้นำพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และทรัพย์จากผู้บริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนที่ยากจน ได้มีโอกาสศึกษาอย่างต่อเนื่อง ทรงพระราชดำริให้จัดทำ “โครงการทุนการศึกษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2552 และต่อมาทรงพระราชดำริให้จัดตั้ง “มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” หรือ ม.ท.ศ. เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2553

ทรงเป็นองค์ประธานกรรมการ ม.ท.ศ.

พระองค์ทรงให้นำโครงการทุนการศึกษาฯ มาดำเนินการภายใต้ ม.ท.ศ. มีกลไก คณะกรรมการ ม.ท.ศ. ซึ่งทรงเป็นองค์ประธานกรรมการ มีคณะอนุกรรมการ โดยความร่วมมือของสำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ฯ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มาช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนงานให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ ที่ ม.ท.ศ. ที่มุ่งเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนที่เรียนดี ขยันหมั่นเพียร ประพฤติดี มีคุณธรรม และฐานะยากจน ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคงโดยสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เยาวชนที่กำลังจะจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีโอกาศศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายไปจนจบปริญญาตรีหรือเทียบเท่าในสาขาวิชาที่สอดคล้องกับความรู้ความสามารถและความต้องการของผู้เรียนโดยไม่มีภาระผูกพันต้องใช้ทุนคืนและเมื่อจบการศึกษาจะเปิดโอกาสให้เข้าทำงานเป็นข้าราชบริพารในพระองค์ฯ ตามความสมัครใจ

พระราชทานหลักการจัดสรรทุนพระราชทาน

ในการดำเนินงานโครงการทุนฯ พระองค์พระราชทานหลักการ ให้กระจายทุนครบในทุกจังหวัด และดำเนินการด้วยการแสวงหา คัดเลือก คัดสรร และกลั่นกรอง จนได้ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้ารับพระราชทานทุน และทรงเน้นย้ำว่า

“…เมื่อทำโครงการมาแล้ว จำเป็นต้องศึกษา ติดตาม และพัฒนาแผนในการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง การทำงานที่ได้ผล ต้องศึกษาข้อมูล มีการปรับแผนให้ทันสมัย และมีความใส่ใจที่จะทำงานต่อเนื่อง…”

คณะกรรมการมูลนิธิฯ และคณะกรรมการบริหารจัดการทุนพระราชทานได้น้อมรับพระราชดำริไปกำหนดหลักเกณฑ์การพระราชทานทุนและวิธีการคัดเลือกคัดสรร และกลั่นกรองนักเรียนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมโดยประสานความร่วมมือกับคณะกรรมการระดับจังหวัดซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานเพื่อแสวงหาคัดเลือกคัดสรร และกลั่นกรองจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ และมีกระบวนการสอบทานอย่างรอบคอบ จนได้ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ จังหวัดละ 2 รายต่อปี เป็นชายและหญิงเท่า ๆ กัน รับทุนพระราชทานในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ทุนละ 18,000 บาท ต่อปีในสายสามัญ และทุนละ 22,000 บาทต่อปีในสายอาชีพต่อเนื่องไปจนจบปริญญาตรีหรือเทียบเท่า โดยจะครอบคลุมทั้งค่าเรียน ค่าหอพักตามที่จ่ายจริง สำหรับค่าครองชีพ ค่าหนังสืออุปกรณ์การเรียนจัดสรรให้เท่ากัน 58,000 บาทต่อคนต่อปี

เรียนดี ความรู้ดี การงานดี ชีวิตสดใส ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ

นักเรียนทุนพระราชทานทุกคนล้วนมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสในการศึกษาอย่างมั่นคงและต่อเนื่องช่วยให้รอดพ้นจากอุปสรรคที่ขัดสน ยากจน ส่งผลให้มีสภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความมุ่งหวังในอนาคตซึ่งนักเรียนทุนพระราชทานรุ่นแรกจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในปี 2559 นักเรียนทุนพระราชทานต่างน้อมนำยึดมั่นปฏิบัติตนตามแนวพระราชดำรัส “เรียนดี ความรู้ดี การงานดี ชีวิตสดใส ทำประโยชน์ให้กับ ประเทศชาติ” มาเป็นเป้าหมายในการดำรงตนในฐานะนักเรียนทุนพระราชทาน ที่มีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เติบโตเป็นกำลังคุณภาพของประเทศ ที่พร้อมตอบแทนคุณแผ่นดิน ดังบทเพลงต้นกล้าของแผ่นดินที่เป็นเสียงจากหัวใจและความมุ่งมั่นของนักเรียนทุนฯ ว่า

“…จะขอสืบสาน ปณิธานที่ทรงชี้นำ ลูกจะจดจำ น้อมนำไปเป็นแนวทางขอสัญญา จะรักษาคุณความดี มีศักดิ์ศรี เป็นคนดีของแผ่นดินขอยึดมั่นสถาบันชั่วชีวิน ตอบแทนแผ่นดิน ตราบสิ้นลมหายใจ…”

เสียงจากนักเรียนทุน

“…เรียนดี ความรู้ดี การงานดี ชีวิตสดใส ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ มีความสุข…” “…ให้นำความรู้ความสามารถ และคุณสมบัติทั้งปวงที่มีอยู่ ไปใช้ประกอบอาชีพการงานสร้างตัวสร้างฐานะให้สำเร็จผลเป็นประโยชน์ป็นความเจริญมั่นคง ทั้งแก่ตนเอง แก่สังคม และแก่ประเทศชาติ…”

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

แกลเลอรี่ภาพ “โครงการทุนการศึกษาพระราชทาน”

อินโฟกราฟิก

The Crown Prince Vajiralongkorn Scholarship Foundation

With His Majesty the King’s strong determination to create opportunities for young people who will grow as a significant force of the nation, Royally-initiated Project on Education has greatly made contributions to children and youth at all levels. His Majesty initiated the use of His Majesty’s royal property and property donated to His Majesty’s charity fund to make contribution to educational opportunity enhancement for disadvantaged students who can have the opportunity to further their education continuously. Therefore, His majesty the King graciously established “The Crown Prince Vajiralongkorn Scholarship Fund” in 2009 (B.E.2552), which later developed into “The Crown Prince Vajiralongkorn Scholarship Foundation” officially founded on 4 February 2010 (B.E.2553) and chaired by His Majesty the King (then the Crown Prince). The Crown Prince Scholarship fund is provided for disadvantaged students with excellent academic performance, good behavior, and good moral character so that they can pursue their higher education in the field that is consistent with their knowledge, ability and needs without any financial obligations to the fund. Upon their graduation, they are also given opportunity to voluntarily work as courtier.

Regarding operation of scholarship program, His Majesty has given the principle to distribute the fund in every province while proceeding with screening and recruitment process until qualified candidates can be identified. Each province is entitled to receive 2 scholarship funds per year and candidate genders are equally distributed. For upper secondary school, scholarship fund of 18,000 baht is given per year while scholarship fund of 22,000 baht is provided for vocational schools or higher education comparable to college level. By equally allocated 58,000 baht for each recipient per year, the fund covers tuition fees, dormitory expense, cost of living, and textbooks or educational necessities. Since 2009 (B.E. 2552) until 2018 (B.E.2561), there have been 7 batches of scholarship recipients so far. In 2018 (B.E.2561), there are 1,059 current scholarship recipients in total. There are 474 scholarship recipients in upper secondary school and 585 scholarship recipients in college or comparable level of institutions.Total amount of funds that have already been financed is 318,336,524 baht. Since 2016 (B.E.2558), students ranging from upper secondary school to undergraduate education have been continuing their study through this scholarship funds for which 70 million baht have been budgeted each year.

As a result, the Crown Prince Scholarship recipients have all been receiving continuous support in all areas which include education, living condition, and encouragement for them to become an individual with a giving heart and leadership characteristic, who can continue to contribute to the benefit of society or their hometown.

อ้างอิง

โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐. (n.d.). มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ. https://www.pidthong.org/Rama10coronation/en/royal-project.php
ทุนพระราชทาน รัชกาลที่ 10 แสงทองจากฟ้าส่องสว่างทั่วแดนดิน. (n.d.). https://www.bot.or.th/Thai/BOTMagazine/Pages/256202TheKnowledge_Scholarship.aspx
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.). (2556). ดิน น้ำ ลม ไฟ สมดุลสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ.
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.). (2560). จากนภา ผ่านภูผา สู่มหานที.
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ. (2553). ผลสำเร็จโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ๘๔ พรรษา ประโยชน์สุขสู่ปวงประชา.